สำหรับวัยผู้สูงอายุที่ควรเริ่มตั้งแต่การตรวจพื้นฐานเลยครับจึงจะดีที่สุด การตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพได้ดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และนอกจากนั้นควรจะต้องเพิ่มการตรวจสุขภาพแบบเจาะลึกให้ถี่มากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้การตรวจอาจแยกออกมาเฉพาะเจาะจงได้ ดังนี้ครับ
• การตรวจการมองเห็น เพื่อตรวจหาปัญหาการมองเห็น เช่น ต้อกระจก หรือต้อหิน
• การตรวจการทำงานของหัวใจ เพื่อตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ การไหลเวียนของเลือด
• การตรวจมะเร็ง
• การตรวจมะเร็งเต้านม สำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจ mammogram ทุกปี และเมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ควรตรวจตามความเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์
• การตรวจมะเร็งปากมดลูก สำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 3 ปี
• การตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้
• การตรวจมะเร็งปอด สำหรับผู้ที่มีประวัติการสูบบุหรี่
• การตรวจระดับไขมันในเลือด ควรตรวจทุก 5 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์
• การตรวจกระดูกและข้อ ตวรจการเคลื่อนไหว เช่น การตรวจเช็คอาการปวดข้อ หรือโรคข้อเสื่อม การตรวจกระดูกบาง ตรวจหากระดูกบางหรือโรคกระดูกพรุน
• การตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรตรวจปีละ 1 ครั้ง
• การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด และตรวจปัสสาวะ ตรวจการทำงานของไต ซึ่งควรตรวจซ้ำทุกปี
• การตรวจสมองและการทำงานของระบบประสาท เพื่อตรวจหาความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคความจำเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์
• การตรวจสุขภาพทางจิตใจ เพื่อตรวจหาภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล ซึ่งอาจเกิดขึ้นในวัยผู้สูงอายุ
นอกจากการตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญแล้ว ทราบหรือไม่ครับว่าการฉีดวัคซีนก็สำคัญไม่แพ้กันเลย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมักจะอ่อนแอลงเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อหรือโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ซึ่งสามารถแบ่งออกมาได้เป็นหลายชนิด มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง
1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่
ควรฉีดทุกปีตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือแม้แต่ในคนที่มีอายุน้อยกว่านี้ก็สามารถฉีดได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
2. วัคซีนโรคปอดอักเสบ
สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่านี้แต่มีโรคประจำตัวก็สามารถฉีดได้ตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
3. วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
ควรฉีดเมื่อมีการบาดเจ็บจากการโดนบาดทะยัก หลังจากนั้นฉีดซ้ำ 1 เข็ม เพื่อกระตุ้นทุก ๆ 10 ปี เพื่อการป้องกันที่ต่อเนื่อง
4. วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แม้ว่าจะไม่เคยเป็นโรคไข้สุกใสมาก่อนก็ตาม
5. วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอและบี
ควรฉีดในผู้สูงอายุที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ และมีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการใช้เข็มร่วม
Healthcare Insight หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,098 วันที่ 22 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568